จากการที่ปัญหาโลกร้อน เริ่มที่จะร้อน (ตับแตก) ขึ้นทุกวัน และปัญหาต่างๆที่กำลังรุมเร้าโลกของเราอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะปัญหาประชากรโลก ที่กำลังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ , ปัญหาน้ำท่วม อันเกิดจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้น , ปัญหาสภาวะอากาศที่วิปริตของโลก พายุ แผ่นดินไหว จากภาวะโลกร้อน
วันนี้ สถาปนิกทั่วโลก ต่างก็เริ่มที่จะตระหนักถึงวิกฤติดังกล่าวกันมากขึ้น แต่สถาปนิกที่ดูจะเด่นที่สุดในนั้น นั่นก็คือ
"Vincent Callebaut"
Vincent Callebaut สถาปนิกชาวเบลเยี่ยม ซึ่งมีที่ติดต่อทั้งในฝรั่งเศลและเบลเยี่ยม เป็นหนึ่งในสถาปนิกที่โด่งดัง เกิดเมื่อปี 1977 เป็นสถาปนิกที่ทำให้เราตระหนักถึงความเป็นพลเมืองภายใต้โลกอันร้อนระอุนี้
เขามีทั้งผลงานการประกวดที่ไม่เพียงแต่น่าสนใจมากมายเท่านั้น มันยังทำให้เราตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนอย่างใกล้ชิด แต่ยังคำนึงถึงเรื่องทางวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับวัฒนธรรมประเพณี และการแก้ไขปัญหากับบริบทอย่างยั่งยืน โดยแสดงออกมาด้วยวิทยาการทางคอมพิวเตอร์อย่างเป็นรูปธรรม , concept งานของเขา ค่อนข้างที่จะเน้นในเรื่องของธรรมชาติเป็นหลัก อาทิ งานเกาะลอยน้ำ Lilypad ซึ่ง concept เกิดจากการที่นำใบบัววิคตอเรีย ใบบัวขนาดยักษ์ที่สามารถบรรทุกน้ำหนักของคนได้ นำมาเป็นต้นแบบของเกาะลอยน้ำ ซึ่งสามารถบรรทุกได้กว่า 50000 ครัวเรือน
เกาะลอยน้ำนี้ ไม่เพียงแต่ใหญ่โตมโหฬาร หรือหน้าตาประหลาดราวกับมาจากนอกโลก (หรือครั้นจะคิดว่าคุณ Vincent จะเป็นมะนาวต่างดุ๊ด จุติลงมาเพื่อก่อกำเนิดสถาปัตยกรรมดังกล่าว ก็คงจะมิผิด) เกาะประหลาดขนาดยักษ์ มีภูเขา 3 ลูก สำหรับรองรับในเรื่องของมุมมอง และสาธารณูปการที่แตกต่างกันไป ในส่วนภายนอกนั้น มีกังหันลมสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่รอบๆ มีตัววัสดุเป็นไทเทเนียม ทำให้เกิดไทเทเนียมไดออกไซด์ ทำให้อากาศบริสุทธิ์
ส่วนล่างจะเป็นกระจก สำหรับมุมมองใต้น้ำ เปรียบเสมือน Aquarium ไปในตัว โดยที่ทุกคนสามารถมาใช้ร่วมกันได้ และยังมีเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานคลื่นน้ำไปในตัว โครงสร้างหลักๆจะเป็นเหล็ก ปิดผิวด้วยไทเทเนียม
ส่วนอีกอาคารที่น่าสนใจนั่นคือ The Dragonfly ซึ่งแนวคิดหลักนั้นมาจากแมลงปอพันุ์หนึ่ง ตัว The Dragonfly นั้น มีเพื่อรองรับปัญหาประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณและปัญหาขาดแคลนอาหารซึ่งโลกกำลังประสบ มันสามารถ
ตามที่องค์การสหประชาชาติโดยหน่วยงาน PNUD (Programme of the United Nations for the Development) ได้คาดการณ์ประชากรโลกที่อยู่อาศัยในเมืองจะเพิ่มจาก 3.1 พันล้านคนในปี 2009 มาเป็น 5.5 พันล้านคนในปี 2025 และเป็น 9 พันล้านคนในปี 2050 และนั่นหมายถึงปริมาณความต้องการอาหารเพื่อยู่อาศัยของคนเมืองต้องเพิ่มสูงอย่างมากมาย ปัจจุบันการพึ่งพิงภาคเกษตรกรรมนอกเมืองหรือตามประเทศโลกที่สามก็ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรในหลายๆด้านที่เกิดจากการขนส่งทั้งทางเรือ ทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงที่สูญหายไปกลายเป็นมลภาวะโลกร้อน จากการนำอาหารที่จะมาป้อนคนเมือง และถ้าประชากรถีบตัวสูงในปี 2025 ไม่ต้องนึกเลยว่าโลกจะเกิดวิกฤติไม่เพียงแต่อาหารที่จำกัดและมลภาวะที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
นักออกแบบชาวเบลเยี่ยม Vincent Callebaut ได้เกิดแนวคิดเจิดจรัสในการสร้างอาคารรูปทรงแมลงปอ เป็นตึกระฟ้าสูง 600 เมตร 132 ชั้น มี 2 อาคารคู่กันเหมือนปีกแมลงปอ และแน่นอนจะกลายเป็นจุดสนใจเมื่อตึกนี้ไปปรากฏลงหลักที่ใด โดยคุณสมบัติของอาคารสูงนี้เหมือนกับนำเอาแหล่งอาหารที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองเข้ามาสู่ในเมือง เพราะในอาคารจะมีแหล่งเพาะพันธ์เกษตร ระบบการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ และระบบอื่นๆอีกมากมายที่จะทำให้อาคารนี้เป็นที่พักอาศัยควบคู่ไปกับการเป็นแหล่งกำเนิดอาหารของคนเมืองไปพร้อมกัน ตามแนวคิดลดการสูญเสียและการทำลายภาวะแวดล้อมชองโลกที่สืบเนื่องมาจากระบบการขนส่งและยังเป็นการนำอาหารมาสู่คนเมืองที่จุดผลิตและจุดบริโภคได้มาอยู่ที่เดียวกัน รองรับปริมาณผู้อยู่อาศัยที่จะทวีเิ่พิ่มขึ้นในอีก 15 ปีข้างหน้า อาคารนี้ยังเป็นเพียงการออกแบบและตำแหน่งที่ผู้ออกแบบจินตนาการไว้ก็คือที่มหานครนิวยอร์ค บางทีจินตนาการอาจจะดูเป็นไปไม่ได้แต่ไม่แน่มหานครในโลกนี้อาจจะปรากฏอาคารหน้าตาแบบนี้ในอีกไม่กี่ปีก็ได้ เพราะเทคโนโลยี่วันนี้และอนาคตทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
แหล่งที่มา
http://vincent.callebaut.org/planche-dragonfly_pl15.html
1 ความคิดเห็น:
http://renegadersu.blogspot.com/
เห้ ตรี ฝากของก้องด้วย